วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562

ประวัติและวิธีการเล่น

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประวัติหมากฮอสไทย


 ประวัติและที่มาของกีฬาหมากฮอส

ประวัติกีฬาหมากฮอส เชื่อกันว่า หมากฮอส ก็คือกีฬาที่ดัดแปลงมาจาก หมากรุก นั่นเอง โดยดัดแปลงนำเอามาแต่เบี้ย และกำหนดกฎกติกาให้มีความง่ายขึ้น เล่นง่ายขึ้น แม้แต่เด็กยังเรียนรู้การเล่นหมากฮอสได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการเดินของหมากฮอส จะคล้ายกับการเดินของควีน ในหมากรุก แต่ไม่สามารถเดินถอยหลังได้ จนกว่าจะเดินไปยังสุดกระดาน ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงการเดินตามกติกาที่ตั้งไว้ หมากรุกมีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดียทางตอนเหนือ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1113 ส่วนหมากฮอสเริ่มเล่นกันที่ประเทศสเปน เมื่อ พ.ศ. 2090 ก่อนที่จะเริ่มแพร่หลายและได้รับความนิยมไปทั่วโลก ในระยะแรก หมากฮอสยังไม่ได้รับการยอมรับ และได้รับการขนานนามว่าเป็นหมากสำหรับผู้หญิง และกติกาของหมากฮอสแต่ละท้องถิ่นก็ไม่เหมือนกัน เช่น บางประเทศ หมากจะกินฮอสไม่ได้ บางประเทศใช้ตาราง 10 x 10 ช่อง มีหมากข้างละ 20 เป็นต้น หมากฮอสสากล มีการแข่งขันในระดับประเทศและต่างประเทศ ได้รับการยอมรับกันทั่วโลก ผู้เล่นจะมีหมากข้างละ 12 ตัว ฝ่ายสีดำจะเป็นผู้เริ่มเล่นก่อน เมื่อฝ่ายใดเข้าฮอส ก็จะนำหมากสีเดียวกัน วางซ้อนกันอีก 1 ตัว ฮอสจะเดินหน้าหรือถอยหลังกี่ช่องก็ได้ แต่ได้แค่แนวทแยงแนวเดียวเท่านั้น และการเล่นหมากฮอสในปัจจุบันได้ถูกค้นคว้าทดลองการเดินในแง่มุมต่าง ๆ มาแล้วหมดสิ้น นักเล่นหมากฮอสที่เก่ง ๆ สามารถเดินเพื่อให้เสมอกันได้กี่กระดานก็ได้ ยกเว้นต้องการเดินเสี่ยงเพื่อเอาชนะ ในการแข่งขันหมากฮอส จึงเต็มไปด้วยการเล่นที่เสมอกัน เช่นการแข่งขันชิงแชมป์ระหว่างแอนดรูว์ แอนเดอสัน แชมป์โลกหมากฮอสคนแรก กับเจมส์ วิลลีย์ นักหมากฮอสที่มีชื่อเสียงที่สุดในอดีต มีการเสมอกันถึง 54 กระดาน กีฬาหมากฮอสจึงได้ฉายาว่า เป็นกีฬาแห่งการเสมอกัน ภายหลังได้เปลี่ยนกติกามาใช้กติกา 2 ก้าวบังคับ 47 วิธี และ 3 ก้าวบังคับ 137 วิธี สำหรับการเปิดหมาก ซึ่งระหว่างเราได้ดัดแปลงนำมาใช้ เมื่อปี พ.ศ. 2427 ได้มีการจัดการแข่งขันประเภททีมระหว่างประเทศขึ้นครั้งแรก อังกฤษกับสกอตแลนด์ ปี พ.ศ. 2448 อังกฤษแข่งกับสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันยังจัดการแข่งขันกันอยู่

กติการหมากฮอสมีกันอยู่ 9ข้อและวิธีการเล่น

ข้อ 1 ความหมายของกีฬาหมากฮอส
“หมากฮอส” เป็นกีฬาพื้นบ้านของไทย นิยมเล่นกันโดยทั่วไปทุกเพศ ทุกวัย เป็นกีฬาที่เล่นกันระหว่างผู้เล่น 2 คน โดยการเดินหมากไปบนกระดานสี่เหลี่ยมจัตุรัส เอาชนะแก่กัน เมื่อผู้เล่นฝ่ายแพ้หมดตาเดินหรือหมดตัวเดิน หรือยอมแพ้ หรือถูกปรับให้แพ้


ข้อที่ 2 อุปกรณ์การเล่น
กระดานหมากฮอส เป็นกระดานรูปสี่เหลี่ยมรูปจัตุรัส มี 64 ช่อง เช่นเดียวกับกระดานหมากรุกของไทย แบ่งด้านกว้าง ด้านยาว เป็น 8 ช่อง ทาสี 2 สีสลับกัน “ตัวหมาก” ทำด้วยไม้หรือพลาสติก รูปวงกลม เหมือนตัวเบี้ย หมากรุกไทย แต่ขนาดใหญ่กว่า มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. การแข่งขันหมากฮอสประเภท 8 ตัว จะมีหมากทั้งหมด 16 ตัว แบ่งเป็นหมากขาวและหมากดำฝ่ายละ 8 ตัว การแข่งขันประเภทหมาก 12 ตัว (นิยมเล่นกันทางภาคเหนือโดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่) มีหมากทั้งหมด 24 ตัว แบ่งเป็นหมากขาวและหมากดำฝ่ายละ 12 ตัว

ข้อ 3 การตั้งหมาก
ตำแหน่งเริ่มต้นก่อนการเดินหมาก ผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่ายนั่งหันหน้าเข้าหากัน วางกระดานไว้ตรงกลางระหว่างผู้เล่น หมากฮอสประเภทตัวหมาก 8 ตัว วางตำแหน่งหมากอยู่ที่ช่องตาเดินสีดำ แถวหลังสุด และแถวถัดขึ้นมา แถวละ 4 ตัว หมากฮอสประเภทตัวหมาก 12 ตัว วางตำแหน่งหมากอยู่ในช่องตาเดินสีดำแถวหลังสุด และแถวถัดขึ้นมาอีก 2 แถวๆ ละ 4 ตัว

ข้อ 4 กรรมการผู้ตัดสิน
กำหนดให้มีกรรมการผู้ตัดสิน 1 คน ต่อคู่แข่งขัน 1 คู่ ทำหน้าที่ต่อไปนี้
ควบคุมการแข่งขันให้เป็นไปตามกฎ กติกา มารยาท หากมีข้อขัดแย้ง ผู้ตัดสินมีหน้าที่พิจารณาข้อขัดแย้งนั้น พร้อมบันทึกผลการแข่งขันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนการแข่งขัน เรียกนักกีฬาเข้าประจำโต๊ะแข่งขันพร้อมกับดำเนินการเสี่ยงให้กับนักกีฬาทั้ง 2 ฝ่าย ผู้ใดชนะการเสี่ยงจะมีสิทธิเลือกเดินก่อนหรือหลังได้ ก่อนเริ่มแข่งขันกรรมการผู้ตัดสินต้องขาดว่า ”กระดานที่…คุณ…เดินก่อน” เมื่อจบการแข่งขันในกระดานนั้นกรรมการต้องแจ้งผลการแข่งขัน “กระดานที่…คุณ…ชนะ ต่อไปกระดานที่…คุณ…เดิน” ในระหว่างการแข่งขัน การจับเวลาเดินหมาก กรรมการผู้ตัดสินจะ เตือนเมื่อเวลาผ่านไป 1 นาที 30 วินาที พร้อมกับยกป้ายเตือนสีเหลือง เมื่อเวลาผ่านไป 1 นาที 50 วินาที

ข้อ 5 การเดินหมาก
การเดินหมากให้ใช้วิธีจับตัววางตาย คือ ผู้เล่นสัมผัสหมากตัวใด ต้องจับตัวนั้นเดิน เปลี่ยนไปจับตัวอื่นไม่ได้ เว้นแต่หมากตัวที่สัมผัสนั้นไม่มีตาเดิน เมื่อจับหมากเดินและวางหมากลงที่ตาใด แม้ยังไม่ปล่อยมือ ก็จะเปลี่ยนไปวางตาอื่นไม่ได้ เว้นแม้แต่หมากตัวนั้นไม่มีตาเดินหรือคู่แข่งขันเตือนว่ามีหมากตัวอื่นมีโอกาสกินได้ กำหนดให้มีการเสี่ยงเพื่อหาผู้มีสิทธิเลือกเดินหมากก่อน-หลังในกระดานแรก ผู้เสี่ยงชนะสามารถเลือกเดินก่อนหรือหลังก็ได้ ต่อไปให้ผลัดกันเดินก่อนคนละ 1 กระดาน

ข้อ 6 การกินหมาก
การกินหมาก จะเกิดขึ้นได้เมื่อหมากของฝ่ายหนึ่งขวางทางเดินหมากของอีกฝ่ายหนึ่ง และมีตาว่างอยู่ในแนวเดียวกัน กับหมากที่ขวาง ฝ่ายที่ถูกขวางต้อง “กิน” โดยจับหมากของตนเองที่ถูกขวางทางอยู่ไปวางที่ตาว่างนั้น แล้วยกหมากที่ถูกกิน ออกจากกระดาน การกินหมาก ทั้งหมากประเภท 8 ตัว และ 12 ตัว ให้กินกลับไปกลับมาได้หลายต่อ โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้กินกรณีอีกฝ่ายหนึ่งถูกกินแต่ฝ่ายกินมองไม่เห็นหรือเผลอเรอ ฝ่ายถูกกินจะบังคับให้กินหรือปล่อยเลยตามเลยก็ได้ โดยกรรมการไม่มีสิทธิเตือน เมื่อมีโอกาสกินหลายแบบ หลายต่อ “ฝ่ายกิน” ต้องแสดงการกินที่ละตัวให้ชัดเจน จนกว่า “การกิน” จะสิ้นสุดลง โดยห้ามจับตัวหมากของผู้แข่งขันก่อนการกินมิฉะนั้นจะถูกบังคับให้กินได้

ข้อ7 กฎ กติกา ว่าด้วยการแพ้ชนะ
ผู้แข่งขันทั้ง 2 ฝ่าย จะแพ้ หรือชนะ กันและกัน ในแต่ละกระดานเกิดจากกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้
• ฝ่ายแพ้หมดตัวเดิน
• ฝ่ายแพ้หมดตาเดิน
• ฝ่ายแพ้ยอมแพ้
• ถูกปรับให้แพ้ ซึ่งจะเกิดจากกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้
ไม่ยอมปฎิบัติตามกฎ กติกา มารยาทของการแข่งขัน กรรมการเตือนแล้วแต่ยังไม่เชื่อฟัง
ไม่ยอมปฎิบัติตามคำเตือนของคู่แข่งขันอันถูกต้องตามกฎ กติกา การเดิหมากข้อ 5
มีการจงใจเอาตัวหมากออกไปหรือเพิ่มเข้ามา หรือจงใจทำให้ตัวหมากเคลื่อที่ตั้ง
ใช้ตำรา หรือเอกสารเกี่ยวกับวิธีเดินหมากฮอสมาช่วยในการคิดไตร่ตรองการเดินหมาก
ขออนุญาตเข้าห้องน้ำ หรือไปทำธุรกิจใดๆ แล้วใช้กระดานทดลองเดิน
มาทำการแข่งขันช้ากว่าเวลาที่กำหนด 20 นาที เว้นแต่คู่แข่งและคณะกรมการฯ ยินยอมกฎ กติกา การถูกปรับ แพ้ ข้อ (1) ถึง

ข้อ 8 กฎ กติกา ว่าด้วยการเสมอ
ผู้แข่งขันทั้ง 2 ฝ่าย ผลแข่งขันจะเสมอกัน เกิดจากกรณีใดกรณีหนึ่ง
ต่อไปนี้
• การแข่งขันยังไม่มีผลแพ้ชนะ และคู่แข่งขันสมยอมให้เสมอกัน
• มีการเดิน “หมากล้อเลียน” กันเกินกว่า 3 ครั้ง
• มีการเดิน “หมากวนเวียน” ไปมา เป็นเวลานานพอสมควรแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะแพ้ชนะกัน ในกรณีนี้ผู้แข่งขันฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีสิทธิขอจำกัดจำนวนครั้งที่จะเดินเพื่อยุติการแข่งขันได้ หากกรรมการเห็นชอบจะกำหนดให้ฝ่ายที่ขอใช้สิทธิเดินหมากต่อไปอีก 16 ครั้ง โดยนักกีฬาผู้ร้องขอเป็นผู้นับและกรรมการเป็นผู้นับทวน เมื่อครบ 16 ครั้งแล้ว ปรากฏว่าสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้ถือว่าหมากเกมนั้น “เสมอกัน” หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปให้แข่งขันต่อไปจนกว่าจะรู้ผลแพ้ชน

ข้อ 9 กฎ กติกา ว่าด้วยการนับคะแนน
• การแข่งขันรอบแรก ซึ่งเป็นรอบคัดเลือก ให้แข่งขันชุดละ 4 กระดาน โดยแบ่งออกเป็นสายการแข่งขัน หรือกลุ่ม และกำหนดให้มีการนับคะแนนได้-เสีย ดังนี้
ชนะได้ 3 คะแนน เสมอได้ 1 คะแนน แพ้ได้ 0 คะแนน
เมื่อการแข่งขันแต่ละสายสิ้นสุดลง นับคะแนนรวมเท่ากัน ให้ใช้วิธีนับจำนวนผลต่างกระดานได้เสีย (กระดานชนะ-แพ้) หากผลต่างกระดานได้เสียยังเท่ากัน ให้ถือว่าผู้ที่มีกระดานชนะมากกว่า เป็นผู้ชนะ หากกระดานชนะเท่ากัน ให้นักกีฬาแข่งขันกันใหม่แบบ “กระดานทอง” โดยเปลี่ยนเบี้ยเป็นฮอตในตาที่ 2 และ 31 สำหรับในกระดานที่ 2,3,4…ฯลฯ ให้เพิ่มฮอสฝ่ายละ 1 ตัว ในตาที่ 3 และ 30 จนกว่าจะมีผู้ชนะ
• ในรอบแพ้คัดออก ซึ่งเป็นรอบที่ 2 รอบรองชนะเลิศ จนถึงรอบชิงชนะเลิศ ให้แข่งขัน 6 กระดาน หากยังเสมอกัน ให้แข่งต่ออีก 4 กระดาน โดยใช้วิธีผลัดกันต่อเสมอเป็นฝ่ายแพ้โดยก่อนการแข่งขัน ให้มีการเสี่ยงทายกัน ผู้ที่เสี่ยงทายชนะสามารถใช้สิทธิเลือกให้คู่แข่งขันเดินก่อนหรือตัวเองเดินก่อนได้ เมื่อครบ 4 กระดานแล้วยังไม่สามารถชนะกันได้ ให้แข่งแบบ “กระดานทอง”

เว็ปไซต์ที่ใช้หาข้อมูล

https://sites.google.com/site/chessclubkmutnb/hmakhxs/ktika-hmakhxs

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%AA

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น